ก่อนเริ่มธุรกิจผู้ที่เป็นเถ้าแก่จะต้องมีความแน่ใจว่า มีปัจจัยใดบ้างที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ แต่เมื่อสำเร็จแล้ว บังเอิญว่าไปพบอุปสรรคยามโควิดระบาด ส่งผลให้หลายกิจการล้มละลาย สาเหตุหนึ่งของการล้มละลายคือปรับตัวไม่ได้ เพราะขาดข้อมูลในการวางแผนและตัดสินใจ ขณะที่บางคนมีข้อมูลเยอะแยะไปหมด แต่จัดการข้อมูลที่ว่าใช้ประโยชน์ในกิจการตนเองไม่เป็น จะอ้างว่า ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับอะไร ๆ รอบ ๆ ตัวเยอะสับสนวุ่นวาย ซึ่งในทางการตลาดเรียกข้อมูลพวกนี้ว่า third party 

 

ส่วนใหญ่แล้วข้อมูล third party ทางผู้เก็บจะไม่ได้เป็นคนเก็บจาก ลูกค้าโดยตรงทำให้ข้อมูลประเภทนี้จะขาดความแม่นยำไปอย่างมาก เพราะไม่ได้เก็บรวบรวมแบบตั้งใจ เช่น ชาวบ้านกลุ่มเป้าหมายชอบใส่แมสก์ไปทำงาน ชอบพกพาเจลล้างมือออกไปข้างนอกบ้าน ต้องการเว้นระยะห่างทางสังคม ชอบอาบน้ำบ่อยขึ้นเพราะกลัวการติดเชื้อ ทำงานจากที่บ้านมากขึ้น เสื้อผ้าที่พวกเขาใช้อยู่ชอบใส่สีอะไร รูปทรงแบบไหน ไม่เคยมีการสังเกตอย่างละเอียด หารู้ไม่ว่าข้อมูล third party เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจออกแบบหรือหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เมื่อยามธุรกิจต้องปรับตัวภายใต้การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

 

ฉะนั้น third party ไม่ใช่ข้อมูลไร้สาระ แต่ third party คือข้อมูลซ่อนสาระ เถ้าแก่คนไหนจะวิจัยหา third party เพื่อปรับธุรกิจและชีวิตอยู่รอดในยุค New normal ควรใช้เวลาร่วมกับ ชาวบ้านกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลวิธีของกระบวนการนี้ให้สังเกตสีหน้า  ท่าทาง  ความรู้สึกตลอดจนอายุ  วัย  เพศของกลุ่มเป้าหมายว่าว่ามีความรู้สึกอย่างไร  มีความสุขหรือทุกข์แค่ไหนจากการใช้ชีวิตแบบ New normal ลวดตรงในหน้ากากและสายรัดแมสก์เป็นอุปสรรคในการหายใจหรือไม่  ลองตั้งคำถามในใจเราเองว่าถ้าพวกเขามีเงินพอที่จะซื้อแมสก์ราคาแพงขึ้นกว่าเดิมไหม หรือแม้กระทั่งการใช้อุปกรณ์สื่อสารในการทำงานจากที่บ้าน รายละเอียดข้อมูลที่ได้ทั้งหมดคือ third party 

 

เถ้าแก่จะต้องสังเกตพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์กันอย่างใกล้ชิด  ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาหลัก ๆ คือ สังเกตกิริยาอาการและพฤติกรรมที่แสดงออกมาเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ว่าเกิดปัญหาความไม่สะดวกสบายขัดกับความรู้สึกเหมือนพวกเขาขาดอะไรบางอย่างไป  หรือแม้กระทั่งว่าขั้นตอนของการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนจนพวกเขาเกิดความรู้สึกน่ารำคาญใจหรือไม่ นี่คือกระบวนการการเก็บข้อมูลพวก third party

 

third party คือข้อมูลกระจัดกระจายมากมายจนมหาศาล ขึ้นอยู่กับว่าใครจะประกอบกันได้จนทำให้เห็น Insight ที่น่าสนใจและจะต้องศึกษาขนาดตลาดว่ากว้างพอที่จะทำกำไรได้มากหรือน้อยเพียงใด มีเงินทุนพอเพียง มีพนักงานที่มีทักษะ และมีสารสนเทศที่น่าเชื่อถือและทันสมัยตรงกับความต้องการเพียงใด

 

อย่างไรเสียข้อมูลแบบ third party เถ้าแก่จะต้องมีการวางแผน  การควบคุม และตัดสินใจในการดำเนินงาน ซึ่งถ้ามีการรวบรวม แยกแยะ จัดหมวดหมู่ ประมวลผลจนเป็นสารสนเทศที่มีความน่าเชื่อถือ เที่ยงตรง  ทันต่อความต้องการจะเป็นการดีสำหรับกิจการ เพราะ

 

จะว่าไป third party ดำเนินการได้โดยง่าย ตั้งแต่การใช้ห้องสมุดในท้องถิ่นจนถึงการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษา ยิ่งได้ข้อมูลที่แม่นยำมากเท่าไหร่จะสนับสนุนกระบวนการ การตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

กระบวนการหาข้อมูล third party คือโอกาสเยี่ยมเยียนลูกค้าประจำได้เช่น  หาเวลาว่างที่เราคิดว่าลูกค้าของเราจะใช้ชีวิตแบบปกติ จะพบช่องว่างทางการตลาดเพื่อเติมเต็มพวกเขาซึ่งคู่แข่งเรายังไม่เคยทราบ.