แผนการตลาด คือ แผนการที่ระบุภาพรวมของการทำการตลาดของธุรกิจ ซึ่งการเขียนแผนออกมาจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานทุกคนและองค์กรมองเห็นภาพรวมของการดำเนินการไปทางเดียวกัน

ยิ่งกว่านั้นแผนการตลาดยังช่วยให้มองเห็นขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างรัดกุม เช่น เป้าหมายในการดำเนินการ, จุดประสงค์ในการทำการตลาด, Timeline ในการทำการตลาดนั้น ๆ ซึ่งแผนการตลาดจะทำหน้าที่ระบุเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งองค์ประกอบของแผนการตลาดมีดังต่อไปนี้

  1. แผนการตลาดต้องมี “ภาพรวมเป้าหมาย” ในการดำเนินการทางธุรกิจ
  2. แผนการตลาดต้องมี “รายงานสถานการณ์ธุรกิจปัจจุบัน”
  3. แผนการตลาดต้องมี “Timeline” ในการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน
  4. แผนการตลาดต้องมี “KPIs” เพื่อเป็นการชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ได้ จากการเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาดต่าง ๆ 
  5. แผนการตลาดต้องมี “ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและตลาด” ที่มุ่งจะไปทำการตลาดให้ครบถ้วน

 

 

10 เทคนิคการเขียนแผนการตลาดให้ดี

  1. แผนการตลาดที่ดีต้องมีเป้าหมายชัดเจน

ความจริงแล้วไม่ว่าจะทำอะไร การมีเป้าหมายที่ชัดเจนถือว่าได้ชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพื่อให้เรารู้ว่าแผนนี้จะทำเพื่ออะไร เช่น เพิ่มยอดขาย, ขยายขนาดธุรกิจ, เพิ่มจำนวนลูกค้า เป็นต้น เมื่อได้เป้าหมายใหญ่แล้วให้ทำการย่อยเป็นเป้าหมายเล็ก ๆ ออกมา เพื่อดูว่าเป้าหมายนั้นสามารถทำตาม เวลา, ราคา, บุคคล ที่มีอยู่ได้หรือไม่ โดยสามารถใช้เครื่องมือช่วยวางแผน คือ SMART 

 

  1. แผนการตลาดที่ดีต้องมี Landscape Research

คำกล่าวที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริง และสามารถนำมาปรับใช้ได้ในแง่ของธุรกิจ การจะทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ ควรมีการทำความรู้จักตัวเองและตลาดให้ดีก่อน

ก่อนที่จะดำเนินตามเป้าหมายไป สิ่งแรก ๆ คือการทำความรู้จักว่าธุรกิจของตัวเองอยู่จุดไหน เพื่อให้เลือกวิธีการผลักดันไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง อาจจะใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เช่น SWOT Analysis ที่ช่วยวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งได้อย่างลึกซึ้ง หรือ 4C หรือ 4P ก็ได้เช่นกัน

เมื่อเราเลือกใช้ SWOT Analysis แล้วก็จะทำให้รู้ถึง Opportunities และ Threats ได้โดยคร่าว ๆ แล้ว แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จเราจำเป็นต้องรู้ว่าสินค้าและบริการของเรามีอุปสงค์มากเพียงใด รวมถึงต้องวิเคราะห์คู่แข่งให้รัดกุม เพื่อพยายามสร้างจุดแตกต่างจนนำไปสู่ความมีเอกลักษณ์ในที่สุด

 

  1. แผนการตลาดที่ดีต้องมี Target Customer ที่ชัดเจน

แน่นอนว่าเราต้องรู้ว่าใครคือลูกค้าของเรา และมีลักษณะแบบไหน ซึ่งเราต้องระบุได้อย่างชัดเจน ผ่านเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก คือ Buyer Persona หรือ ภาพตัวแทนลูกค้าในอุดมคติ

องค์ประกอบของ Buyer Persona มีดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ, อายุ, ที่อยู่
  2. เป้าหมาย Pain Point ความสนใจ (ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา)
  3. พฤติกรรมและช่องทางในการเข้าถึงสิ่งที่สนใจ เช่น social media, โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
  4. สิ่งที่พวกเขากำลังกังวล
  5. ศึกษา Sale Funnel และ Customer Journey ให้เข้าใจ

 

Sale Funnel คือ Framework ที่กรองผู้คนมาเป็นลูกค้า ซึ่งจะล้อไปกับ Customer Journey หรือขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า อันได้แก่

โดยเราสามารถใช้ Framework นี้ในการเลือกกลยุทธ์ทางการตลาดรวมถึง Message ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละช่วงได้

 

  1. การเลือกกลยุทธ์การตลาดมาใช้

การเลือกกลยุทธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกใช้ “อาวุธ” ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าโดยตรงเลือกใช้ให้ถูกทั้งประเภทของลูกค้าและจังหวะ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ของคุณร่วมด้วย

ตัวอย่างกลยุทธ์การตลาดดี ๆ 

 

  1. แผนการตลาดที่ดีต้องใช้ร่วมกับ “ช่องทาง” การตลาดที่เด็ด

จากการที่เราได้ทำ Buyer Persona ที่ทำให้รู้ไปแล้วว่าลูกค้าของเราอยู่ไหน ก็ให้เราทำการตามไปเสนอสินค้าของเราที่นั่น ตัวอย่างเช่น หากต้องการขายสินค้าแฟชั่นก็สามารถไปขายใน IG หรือ Pinterest ได้

 

  1. วางแผนงบประมาณทางการเงินให้ชัดเจน

แน่นอนว่าการทำการตลาดย่อมต้องใช้ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ทำการโปรโมทด้วยโฆษณา ซึ่งก่อนจะดำเนินการใช้กลยุทธ์ใดก็ตามควรอย่างยิ่งที่ต้องจัดแผนการเงินรายไตรมาส หรือรายปีไว้อย่างชัดเจน

 

  1. กำหนด KPIs หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพ

การกำหนด KPIs เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการกำหนดเป้าหมาย ซึ่ง KPIs จะทำหน้าที่ชี้วัดผลสำเร็จของแผนการตลาดออกมา โดยสามารถแบ่งได้แตกต่างกันไป เช่น การแบ่ง KPIs ตาม Sales Funnel หรือ การแบ่ง KPIs ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแผนก เป็นต้น

 

  1. การสร้าง Timeline & Calendar

การดำเนินการงานต่าง ๆ จำเป็นต้องมี Timeline ให้คนในทีมได้มองเห็นอย่างชัดเจน เพื่อสามารถบริหารจากทำงานได้อย่างเหมาะสมและลุล่วงทันตามเวลาที่กำหนด โดยที่แผนต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงปรับปรุงระหว่างทางได้เสมอ เช่น เริ่มสังเกตว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่น่าสร้างผลลัพธ์ได้ตามเป้าหมาย ก็ควรเปลี่ยนวิธีการและปรับแผนดำเนินงานใหม่ แต่สิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนแปลง คือ เป้าหมาย นั่นเอง

 

  1. มีการวัดผลลัพธ์และปรับปรุงอยู่เสมอ

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกในปัจจุบันนั้นทำให้ธุรกิจต้องรับกับการแปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แผนการตลาดที่เคยประสบความสำเร็จก็อาจจะไม่สามารถใช้ได้เลยก็เป็นได้ ถ้าอยากเติบโตขึ้นธุรกิจก็ควรเร่งการปรับปรุงพร้อม ๆ กับการรู้ผลลัพธ์อยู่เสมอนั่นเอง