Marketing 5.0 เป็นคำที่มาจากหนังสือ Marketing 5.0 Technology for Humanity (2021) เป็นผลงานอัปเดตล่าสุดจาก Philip Kotler ที่นักทำการตลาดหลาย ๆ คนนักเขียนท่านนี้เป็นอย่างดี ในนามบิดาการตลาดสมัยใหม่ ที่มาพร้อมกับนักเขียนอีก 2 ท่านนามว่า Hermawan Kartajaya and Iwan Setiawan ซึ่งวันนี้เราจะมาดูว่ามีอะไรเป็นไอเดียใหม่ ๆ สำหรับคนทำการตลาดที่น่าสนใจบ้าง
Marketing 5.0 คืออะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า Marketing 5.0 กันก่อน นิยามของคำว่า Marketing 5.0 จากหนังสือเล่มนี้ คือ การตลาดที่ผสมผสานความเป็นมนุษย์และเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคนั่นเอง
ในตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคของ “Technology For Humanity” เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้มนุษย์ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าการตลาดยุคใหม่ เมื่อโลกธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องโครงสร้างทางสังคมที่มีช่องว่างระหว่างวัยมากขึ้น (Generation Gap) การเข้ามาของเทคโนโลยี และค่านิยมของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป กลยุทธ์ทางการตลาดจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
การปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงมาใช้ในด้านการตลาด เพื่อสื่อสาร ส่งมอบ และเพิ่มคุณค่าที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมาย เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง ที่มีความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์ มาปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มศักยภาพให้นักการตลาดดิจิทัล ประมวลข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ มาใช้ในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจที่เหมาะสม และตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ได้อธิบายถึงกลยุทธ์การตลาดทั้ง 5 ยุคไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆได้ดังนี้
กลยุทธ์การตลาดทั้ง 5 ยุค
Marketing 1.0
เป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับตัวสินค้าหรือ Product Centric เป็นหลัก เหล่าผู้ผลิตพยามมุ่งเป้าและเน้นที่ต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพที่สุด สร้างความรู้สึกคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคเพื่อให้เป็นที่หนึ่งในตลาด ซึ่งอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดอย่างง่ายดาย หลักการของการทำการตลาดในยุด 1.0 จะเป็นหลักของ 4P ที่ใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภค
Marketing 2.0
ยุคนี้จะเป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า ประเภทลูกค้าคือพระเจ้า จนทำให้เกิด 4C คือ Customer Cost Convenience Communication โดยสินค้าจะถูกขายให้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้หลักกลยุทธ์ STP หรือ Segmentation Targeting และ Positioning ความพึงพอใจของลูกค้าสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและกลับมาซื้อซ้ำอีกรอบ
Marketing 3.0
ต่อมาเป็นยุคของ Human Centric นั้นให้ความสำคัญกับมนุษย์และสร้างสังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่นึกถึงรายได้หรือกำไรที่ผู้ผลิตได้รับ มีการใส่แนวคิดเกี่ยวกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเข้าไปในสินค้าและบริการ
Marketing 4.0
ยุคนี้เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการตลาด เพราะเริ่มที่ใช้สื่อดิจิตอล หรือ Traditional to Digital นั่นเองเหตุผลก็เพราะพฤติกรรมของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไป เทคโนโลยี Social Media และ E-Commerce เข้ามาบทบาทในการดำเนินชีวิตมากขึ้น การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสอดคล้องกัน
Marketing 5.0
และก็มาถึงยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ยุคที่หัวใจการตลาดคือ ยุคที่เป็นการผสมรวมกันของ Marketing 3.0 และ Marketing 4.0 มารวมกันนั่นเอง คือการทำการตลาดโดยการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆเข้ามาช่วย รวมถึงระบบจัดเก็บข้อมูลก็เป็นสิ่งสำคัญกับธุรกิจในยุคนี้อีกด้วย
นอกจากนั้นแพลตฟอร์มต่างๆยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นจากข้อมูลที่เก็บมา ดังนั้น Customer Experience ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราได้มาจากเทคโนโลยี จึงเป็นอีกเรื่องที่แบรนด์ควรคำนึงถึงเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและเพื่อสามารถเอาชนะใจลูกค้าได้ด้วย
ปัจจุบัน Marketing 5.0 นั้นมีบทบาทอย่างมากในการทำการตลาด โดยสาระสำคัญของ Marketing 5.0 จะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้
- Data-Driven Marketing ข้อมูลหรือ data เป็นที่สำคัญ และอยู่เบื้องหลังในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Digital Marketing ซึ่ง Data หรือข้อมูลลูกค้าที่นำมาใช้จะต้องเป็นทั้งข้อมูลที่มาจากภายใน และ ภายนอก เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการตัดสินใจในการทำการตลาด
- Agile Marketing คือ การทำแคมเปญการตลาดให้เหมาะสม ทันสมัยและกระแสเหตุการณ์ และนำผลตอบรับจากลูกค้าไปปรับเพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการพร้อมกับมอบประสบการณ์ให้ถูกจุดได้อย่างรวดเร็ว
- Predictive Marketing คือ การนำ Data ที่มีอยู่นั้นใช้ในประเมินความสำเร็จของแคมเปญ ว่าน่าจะมีผลไปในทางไหนปังหรือพัง มีความเสี่ยงหรือไม่ หรือ คุ้มค่าแค่ไหน เพื่อให้การวางแผนแคมเปญได้ก้าวหน้าต่อไป และไม่ต้องเสียเวลาหากมีความเสี่ยงเกินไป ทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน และ ลงเวลา
- Contextual Marketing คือ ศึกษาและการทำความเข้าใจในผู้บริโภคโดยใช้ Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้นักการตลาดสามารถออกแบบ และวางกลยุทธ์ Personalized Marketing ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าจริง ๆ
- Augmented Marketing ก็คือ การที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ในด้านบวกให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Chatbot ในการโต้ตอบลูกค้าแบบทันที ไม่ต้องเสียเวลารอให้พนักงานมาตอบคำถาม ทำให้ลูกค้าคำตอบเบื้องต้นได้แบบทันที ไม่ต้องเสียเวลารอให้พนักงานมาตอบคำถาม นั่นเอง
สรุป
ทั้งหมดก็อาจพอสรุปได้อีกอย่างว่า กลยุทธ์ Marketing 5.0 เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ธุรกิจ รวมไปถึงนักการตลาดนำไปคิดวางแผนในการเอาข้อมูลและเทคโนโลยีที่สำคัญเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆที่ทำอยู่ให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาศัย ข้อมูล / data ที่มีอยู่ในมือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ สถานะ สถานที่อยู่อาศัย จังหวะเวลา และอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจการตลาดแบบ Marketing 5.0 จึงช่วยให้ธุรกิจมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ามากขึ้น และตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ได้มากที่สุดอีกด้วย